วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2562

อิทธิพลของการแพทย์ต่างประเทศที่มีผลต่อการแพทย์แผนไทย



อิทธิพลของการแพทย์ต่างประเทศที่มีผลต่อการแพทย์แผนไทย

               เมื่อคนไทยรวมกันเป็นหมู่ในแผ่นดินที่เป็นประเทศไทยนี้เมื่อมีการเกิด เจ็บและตาย ได้พยายามใช้ยาตามธรรมชาติ เช่น รากไม้ ใบไม้ รักษาโรค เมื่อนับถือพระพุทธศาสนาได้นำการแพทย์ของอินเดียเข้ามาร่วมด้วยนอกจากนี้ยังได้รับอิทธิพลจากจีนและไสยศาสตร์ เช่น มีการสะเดาะเคราะห์หมอในสมัยโบราณจึงเป็นไปในลักษณะของหมอทางไสยศาสตร์



                ช่วงก่อนสมัยสุโขทัยถึงสมัยอยุธยาตอนต้นคือตั้งแต่ก่อน พ.ศ. ๑๗๙๒ ถึงราวพ.ศ. ๑๙๙๘ ไม่มีจารึก ตำรา หรือเอกสารโบราณเหลือตกทอดมาให้ได้ศึกษาเรียนรู้การแพทย์แผนไทยในสมัยนั้น อย่างไรก็ดีมีหลักฐานสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เห็นภาพในบางแง่มุมของการแพทย์ในราชสำนักสมัยอยุธยาตอนต้นคือทำเนียบศักดินา ใน "กฎหมายตราสามดวง" ที่ตราขึ้นใน พ.ศ. ๑๙๙๘ มีการระบุศักดินาของข้าราชการพลเรือนที่ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ในตำแหน่งต่าง ๆ ตามลำดับโดยแบ่งเป็นกรมต่าง ๆ หลายกรม 



          
            ทั้งนี้ตำแหน่ง "ออกญาแพทยพงษาวิสุทธาธิบดี อะไภยพิรียบรากรมพาหุ จางวางแพทยาโรงพระโอสถ" ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลโรงพระโอสถเป็นผู้ที่ถือศักดินาสูงสุดในบรรดาข้าราชการฝ่ายหมอหลวงแสดงให้เห็นบทบาทสำคัญของแพทย์ปรุงยาซึ่งทำหน้าที่ทั้งเสาะหา รวบรวม และดูแลรักษาเครื่องยาสมุนไพรต่าง ๆ รวมทั้งการปรุงยาหลวงและประสานงานกับหมอในกรมอื่น ๆ นอกจากนี้กรมหมอนวดก็เป็นกรมที่มีความสำคัญด้วยเนื่องจาก "การนวด" เป็นการบำบัดโรคพื้นฐานในสมัยนั้น  ในเรื่องนี้เดอ ลาลูแบร์ (de la Loube`re) ราชทูตชาวฝรั่งเศสซึ่งเดินทางมาเข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในสมัยอยุธยาได้บันทึกไว้ว่า 

"...ในกรุงสยามนั้นถ้าใครป่วยไข้ลงก็จะเริ่มทำให้เส้นสายยืด โดยให้ผู้ชำนาญการในทางนี้ขึ้นไปบนร่างกายของคนไข้และใช้เท้าเหยียบทๆ..."

                นสมัยกรุงศรีอยุธยามีการติดต่อกับชาวตะวันตกโดยเฉพาะในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้มีการนำความรู้ทางการแพทย์เข้ามาด้วย แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลวัฒนธรรมทางการแพทย์ของต่างประเทศที่เข้ามามีบทบาทและผสมผสานกับภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทยมีการใช้เครื่องยาเทศในยาเกือบทุกตำรับที่บันทึกไว้ในตำราพระโอสถพระนารายณ์



โรงพยาบาลศิริราช

                ต่อมาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมีแพทย์แผนปัจจุบันชาวต่างประเทศเข้ามาทำการรักษาคนเจ็บป่วยซึ่งขณะนั้นคนไทยยังไม่มีสถานที่รักษาพยาบาลของตนเองจนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงให้นำไม้และวัสดุจากเมรุที่ใช้ในการพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ มาสร้างเป็นโรงศิริราชพยาบาลทำการรักษาทั้งแผนปัจจุบันและแผนโบราณต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงพยาบาลศิริราช" มีการรับนักเรียนเข้าเรียนแพทย์และพยาบาลด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระราชบิดาเจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์ที่ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างสถานศึกษาขึ้นบางส่วนและส่งคนไทยไปศึกษายังต่างประเทศพร้อมกับขอความร่วมมือจากมูลนิธิร็อคกีเฟลเลอร์ให้ช่วยส่งอาจารย์มาพัฒนาหลักสูตรการแพทย์แผนโบราณจึงได้หมดไปจากโรงเรียนแพทย์ และการแพทย์แบบตะวันตกเข้ามาแทนที่อย่างสมบูรณ์


                ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช การแพทย์แผนโบราณได้รับการฟื้นฟูและพัฒนาในทุก ๆ ด้านและเรียกชื่อใหม่ว่า "การแพทย์แผนไทย" แทน "การแพทย์แผนโบราณ" จนคุ้นเคยกันในปัจจุบัน    ต่อมามีการจัดระบบการบริหารจัดการภายในกระทรวงสาธารณสุขใหม่โดยได้จัดตั้งกรมใหม่ขึ้น "กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก" ขึ้นและได้ให้สถา บันการแพทย์แผนไทยมีฐานะเป็นกองหนึ่งในกรมดังกล่าวทำให้การแพทย์แผนไทยได้รับการฟื้นฟู คุ้มครอง ส่งเสริม จนก้าวหน้าขึ้นดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หมอบรัดเลย์
หมอบรัดเลย์ "ตัดแขนพระ"
               ตัวอย่างบุคคลสำคัญที่ได้นำการแพทย์แผนปัจจุบันมาสู่ประเทศไทย “หมอบรัดเลย์” เป็นนายแพทย์ชาวอเมริกันที่เช้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่๓ เขาเป็นคนแรกที่ทำการถ่ายเลือดเพื่อแก้ไขผู้ป่วยที่เสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก เป็นผู้ตั้งร้านจำหน่ายยาและเป็นต้นกำเนิดความคิดของการทำคลินิกแห่งแรกในไทย อีกทั้งยังเป็นผู้นำวิธีป้องกันโรคฝีดาษที่ระบาดในสมัยนั้น นอกจากนี้ยังได้ทำการผ่าตัดเป็นครั้งแรก โดยตัดแขนพระภิกษุรูปหนึ่งประสบอุบัติเหตุจากกระบอกบรรจุดินดำทำพลุแตก ซึ่งประสบความสำเร็จดีจนเป็นที่เลื่องลือ เพราะแต่ก่อนคนไทยยังไม่รุ้วิธีผ่าตัดร่างกายมนุษย์แล้วยังมีชีวิตอยู่ดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น